< Previousระบบเซ็นเซอร์บังคับทิศทางรถได้อย่างไร? เราสามารถก�าหนดต�าแหน่งของรถได้แม่นย�าระดับ เซ็นติเมตร ซึ่งท�าให้สามารถจอดรถสองคันได้โดยมี ระยะห่างจากกันเพียง 10 เซ็นติเมตร โดยเราสามารถ เพิ่มประสิทธิภาพของพื้นที่ในลานจอดได้มากขึ้น ท�าให้สามารถที่จะจอดรถได้มากขึ้นถึง 20% เมื่อ เปรียบเทียบกับการจอดแบบเก่า รถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์นั้นมีเซ็นเซอร์มากมาย อยู่แล้ว ท�าไมเราไม่ใช้ประโยชน์จากพวกมันล่ะ เรา สามารถที่จะท�าแบบนั้นก็ได้ แต่สุดท้ายแล้วก็ตัดสิน ใจที่จะใช้ระบบภายนอก เพราะมันเอื้อประโยชน์ให้ รถรุ่นอื่นๆ ที่อาจจะไม่ใช่รุ่นล่าสุดสักเท่าไหร่ หนึ่งใน ความคิดของเราคือการให้ลูกค้าสามารถเช่าบริการ AVP ได้ และเลิกเช่าได้ถ้าต้องการ ลูกค้าสามารถใช้ระบบนี้ได้เมื่อไหร่? เราก�าลังจะเปิดตัวโครงการนี้ที่ Stuttgart ลูกค้า สามารถลงชื่อเพื่อทดสอบที่โชว์รูมเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่นั่น ลานจอดรถนั้นอยู่ใกล้ๆ กัน ท�าให้สามารถที่ จะเรียกรถมาที่จุดขึ้น-ลงได้เลย คุณคาดหวังอะไรจากโครงการนี้? โครงการนี้จะช่วยเหลือเราอย่างมากในการเรียนรู้ ต่างๆ เอาเป็นว่าถ้าคุณได้ส่งรถไปจอดแล้วนึกขึ้นได้ ว่าลืมร่มไว้ในที่เก็บสัมภาระ เราจะแก้ปัญหานี้กัน อย่างไร แปลว่าคุณก็ก�าลังเก็บข้อมูลเพื่อที่จะปรับปรุงระบบ ด้วย? ถูกต้อง ในเมื่อรถยนต์ไม่ว่าจะขับเคลื่อนเองหรือมี คนขับก็จ�าเป็นต้องใช้ลานจอด 99% ของรถในลาน จอดนั้นจอดโดยคนขับตามปกติ แต่รถขับเคลื่อน อัตโนมัติสองคันของเราจะเข้าไปปะปนอยู่กับรถเหล่า นี้เพื่อเก็บข้อมูล และเมื่อเราได้ข้อมูลมากพอ เราก็ สามารถที่จะลองท�าอย่างอื่นด้วย เช่น การใช้เซ็นเซอร์ น้อยลงในขณะที่มีความปลอดภัยยังคงมาตรฐานเดิม รู้สึกเหมือนเป็นผู้บุกเบิกรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติไหม? เราทุกคนมีความภาคภูมิใจครับ ใช่ เราท�างานมา หนักและก็มีสิทธินั้นนะ ระบบจอดรถอัตโนมัติให้อะไรกับลูกค้าบ้าง? ความจริงมันไม่มีอะไรซับซ้อน คุณแค่สั่งการจาก สมาร์ทโฟนของคุณ รถก็จะขับมาหาคุณจากที่จอด ของมัน มารับคุณที่พื้นที่รับ-ส่งในลานจอดรถ จาก นั้นคุณก็ขึ้นรถและขับออกไปตามปกติ และถ้าคุณ อยากที่จะจอดรถอีกครั้ง ก็ขับมาที่บริเวณรับ-ส่งนี้ ก้าวลงจากรถ และสั่งการอีกครั้ง รถก็จะเคลื่อนที่ไป ยังบริเวณช่องจอดโดยตัวของมันเอง คุณก็เอาเวลา ที่เสียไปกับการขับวนหาที่จอดรถไปท�าอย่างอื่นแทน ได้ แล้วก็ไม่ต้องหงุดหงิดกับการหาที่จอดรถ รถสามารถวิ่งไปหาที่จอดได้อย่างไร? Bosch ซึ่งเป็นพันธมิตรในโครงการนี้ ได้พัฒนา เซ็นเซอร์พิเศษส�าหรับเรื่องนี้ ซึ่งมันจะสื่อสารกับ คอมพิวเตอร์ส่วนกลางของลานจอด ซึ่งคอมพิวเตอร์ นี้จะส่งค�าสั่งไปยังตัวรถ โดยที่เซ็นเซอร์ต่างๆ จะเป็น ตัวระบุทิศทางของรถที่ต้องเคลื่อนไป พวกมัน สามารถมองเห็นสิ่งของและสิ่งกีดขวางต่างๆ เช่น เด็กที่อาจเดินหลงกับผู้ปกครอง และหยุดรถได้ใน ทันที คุณติดตั้งเซ็นเซอร์ไว้ที่ไหนในลานจอดรถบ้าง? เซ็นเซอร์จะถูกติดตั้งในความสูงระดับเอวในทุกๆ 6 เมตร เพื่อความปลอดภัยสูงสุด เครื่องสแกนเลเซอร์ ก็ติดตั้งสูงจากพื้นประมาณหนึ่งคืบ ซึ่งท�าให้มัน สามารถตรวจจับเด็กเล็กๆ ที่อาจจะหกล้มอยู่บนพื้น ได้ด้วย Park & stride! Carsten Hammerling หัวหน้าโครงการ ที่ Daimler บอกเราในงานเปิดตัวว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ คุณจะได้ทดลอง ใช้ระบบ Automated Valet Parking ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนทดสอบการใช้งาน ติดตามข้อมูลเกี่ยวกับ ระบบจอดรถอัตโนมัติ รวมถึงทดลองระบบ ด้วยตัวคุณเองได้ที่ : mbmag.me/avp1 i INTERVIEW: JOHANNES SCHWEIKLE PHOTOS DAIMLER AG (2), CLAUS MORGENSTERN 40Mercedes-BenzMercedes42 เรื่อง: FELIX BREUER ภาพประกอบ: JINDRICH NOVOTNY Intelligent World Drive: รถยนต์ขับ เคลื่อนอัตโนมัติ S-Class ได้รับการทดสอบ ใน 5 ทวีปรวมระยะทางกว่า 10,000 กิโลเมตร โดยต้องการตอบค�าถามส�าคัญ ที่ว่าเทคโนโลยีได้พัฒนาถึงระดับไหนแล้ว ? (เราแวะไปเยี่ยมชมโครงการน�าร่องอย่าง การจอดรถอัตโนมัติด้วย) The big tour Las Vegas43 Cape Town Melbourne Shanghai Frankfurt44Mercedes-BenzMercedes Jochen Haab, ผู้อ�านวยการภาคสนาม ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นผู้ทดสอบบนถนนจริง ของโครงการ Intelligent World Drive ถ้าคุณขับรถบนถนนออโต้บาห์น สิ่งที่คุณจะได้ เจอบ่อยๆ เลยก็คือความเร็วของรถที่แตกต่างกัน อย่างมาก คุณอาจจะก�าลังแซงรถบรรทุกโดยใช้ ความเร็วที่ 130 กม./ชม. แต่ในขณะเดียวกันอาจมี รถความเร็วกว่า 200 กม./ชม.วิ่งมาจากด้านหลัง ระบบเรดาร์ของ S-Class นั้นสามารถสแกนถนนเป็น ระยะทาง 80 เมตรทางด้านหลังและ 250 เมตรทาง ด้านหน้า ระบบกล้องสเตอริโอสามารถมองเห็นไกล ถึง 500 เมตรทางด้านหน้าและ 90 เมตรแรกนั้นเป็น ภาพแบบสามมิติด้วย ค�าถามคือนั่นเพียงพอไหม ระบบใช้เวลามากน้อยแค่ไหนเพื่อที่จะประมวลผล และสั่งการหลังจากที่จับภาพรถที่ใกล้เข้ามาได้ และ สามารถท�าอะไรได้บ้างเพื่อหลบเลี่ยงอุบัติเหตุ ลูกค้า นั้นมีความต้องการที่ชัดเจน พวกเขาต้องการให้ระบบ ท�างานเมื่อมีความจ�าเป็นจริงๆ เท่านั้น “สิ่งที่คุณจะเจอได้ทุกวันบนถนนออโต้ บาห์นของเยอรมนี คือ ฝนตก รถติด งานก่อสร้างทาง และพวกที่ขับรถเร็ว จนน่ากลัว” “แผนที่เป็นข้อกังวลอย่างมากส�าหรับจีน การพึ่งพา GPS เพียงอย่างเดียวนั้น ท�าให้หลงทางได้ง่ายมากในประเทศนี้ การแก้ปัญหานี้จึงเป็นความท้าทาย อย่างหนึ่ง” ปริมาณรถที่หนาแน่น รถสองและสามล้อจ�านวนมาก สิ่งที่ดูเหมือนทางม้าลายบนมอเตอร์เวย์ (แต่จริงๆ แล้วคือเครื่องหมายกะระยะปลอดภัย) และการจ�ากัด ความเร็วที่แตกต่างกันส�าหรับช่องทางต่างๆ เหล่านี้ คือเอกลักษณ์เฉพาะของการจราจรในประเทศจีน ยิ่ง ไปกว่านั้นคือการขับรถในนครเซี่ยงไฮ้แสดงให้เราเห็น ว่าระบบแผนที่น�าทางนั้นจ�าเป็นต้องมีความแม่นย�า สูงในระดับตรอกซอกซอย ในพื้นที่ที่มีแผนผังถนน อันซับซ้อน รถจะไม่สามารถค�านวณต�าแหน่งของมัน ได้ และช่องเดินรถในหลายๆ ทางแยกนั้นก็ไม่มีเส้น แบ่ง ซึ่งท�าให้กล้องจับภาพไม่ได้ถ้าไม่มีรถอื่นอยู่รอบ ข้าง เป็นไปได้ที่รถจะไม่รู้ต�าแหน่งของตัวเอง และ เมื่อไม่มีข้อมูลนี้ รถก็จะขับตรงไปเรื่อยๆ แล้วคนที่ นี่ก็อาจจะคาดหวังว่ารถขับเคลื่อนอัตโนมัติจะเข้าโค้ง แบบที่ท�ากันทั่วไป ซึ่งก็คือการเบรคในโค้งและเร่งเมื่อ พ้นจากโค้ง แต่กลายเป็นว่ารถจะขับแบบยุโรป คือ จะเดินคันเร่งก่อนที่จะออกจากทางโค้ง และการค�านึง ถึงสิ่งเหล่านี้มีความส�าคัญอย่างมาก ส�าหรับการน�า เทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติมาใช้ ‘รถยนต์ที่ทั้งชาญฉลาดและปลอดภัย ซึ่งสามารถขับขี่ ได้ด้วยตนเอง’ นี่คือบทนิยามของการขับขี่แบบ อัตโนมัติ แต่ในขณะนี้เรามีเทคโนโลยีอะไรบ้างที่ สามารถน�ามาใช้งานได้? ทีมเมอร์เซเดส-เบนซ์ร่วม หาค�าตอบในการขับขี่ทั้ง 5 แบบ ใน 5 ทวีป โดยออก เดินทางตั้งแต่เดือนกันยายน 2560 จนถึงเดือน มกราคม 2561 และเมื่อหัวหน้าทีม Jochen Haab พูดถึง ‘Intelligent World Drive’ ในวันนี้ เขาก็แทบ จะเก็บความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ ด้วยระบบช่วยเหลือ ต่างๆ ของ S-Class ที่สามารถขับเคลื่อนได้เองใน ระดับที่ Haab และทีมงานต้องตกตะลึง แต่พวกเขา ก็รู้ว่ามีงานอีกเยอะที่ต้องท�า ในอนาคตอันใกล้นี้ นัก ออกแบบจ�าเป็นต้องตอบค�าถามส�าคัญๆ หลายข้อ เลยทีเดียว “จุดประสงค์ก็คือเราต้องการที่จะแสดงให้เห็นว่าเรา สามารถน�ารถมาใช้ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นปกติ ได้ และสร้างประสบการณ์การเดินทางได้เหมือนกัน” Haab กล่าว “แล้วเราก็สามารถใช้ข้อมูลเหล่านั้นมา ปรับปรุงระบบของเราด้วย” การเดินทางไกลของเขา นั้นเริ่มต้นที่งาน IAAใน Frankfurt จากนั้นพวกเขาก็ มุ่งหน้าสู่สหรัฐอเมริกา โดยผ่านทางเซี่ยงไฮ้ ออสเตรเลีย และแอฟริกาใต้ Jochen Haab ได้เล่า ถึงความท้าทายที่ S-Class ต้องเผชิญ Frankfurt / Germany Shanghai / China PHOTO DAIMLER AG45March 2018Mercedes “เทคโนโลยีต้องไม่วอกแวกจากการถูก รบกวน แล้วก็ต้องสามารถรับรู้และ วิเคราะห์สถานการณ์วุ่นวายได้อย่าง รวดเร็วและแม่นย�าด้วย” การจราจรในแอฟริกาใต้ค่อนข้างวุ่นวาย ผู้คนมักเดิน อยู่บนไหล่ทางและการหลบหลีกอย่างกะทันหันเป็น เรื่องปกติของที่นี่ นักทดสอบการขับขี่ของเราได้เผชิญ หน้ากับจักรยานที่ขี่สวนทางมา ในขณะที่เขาใช้ ความเร็วที่ 100 กม./ชม.บนมอเตอร์เวย์ นักปั่น จักรยานนั้นขี่อยู่บนไหล่ทางที่มีความกว้างเพียงไม่กี่ เซ็นติเมตร และเมื่อเราขับไปบนถนนที่คดเคี้ยวเป็น งูทางตอนใต้ของเมือง ระบบกล้องก็ไม่สามารถจับ ภาพเส้นทางได้เนื่องจากถนนลาดยางนั้นถูกปกคลุม ด้วยทราย แต่บนถนนเลียบชายฝั่งนั้น รถนั้นวิ่งได้ เกือบอัตโนมัติทีเดียว ป้ายจ�ากัดความเร็วอิเล็กทรอนิกส์ รถรางแบบดั้งเดิม จิงโจ้ที่กระโดดข้ามถนน และโค้งกะทันหัน ซึ่ง เป็นการเลี้ยวขวาจากเลนซ้าย ต้องขับข้ามรางรถ และ อนุญาตเฉพาะในจังหวะที่ไฟเขียวให้รถวิ่งขวางมา เท่านั้น นี่แหละคือการขับรถในเมลเบิร์น มันเป็นการ ขับที่ทดสอบความมั่นใจของคนขับเป็นอย่างมาก ซึ่ง คนท้องถิ่นเองก็ยังพลาดได้ นี่คือตัวอย่างของ สถานการณ์ที่ท้าท้ายส�าหรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ สมองของมนุษย์นั้นสามารถประมวลผลจากไฟ LED กะพริบที่แสดงถึงการจ�ากัดความเร็ว แต่ระบบของ รถนั้นยังไม่มีความสามารถพอ และค�าถามเกี่ยวกับ การหลบหลีกสัตว์บนท้องถนนโดยไม่เกิดอันตรายแก่ ผู้โดยสารนั้นก็ยังไม่มีค�าตอบที่ชัดเจน มันมีความ จ�าเป็นที่จะต้องค�านวณมิติของสิ่งต่างๆ บนถนนให้ ได้แต่เนิ่นๆ รวมไปถึงหาทางออกส�าหรับสถานการณ์ นั้นๆ เพื่อหลบเลี่ยงอุบัติเหตุด้วย “ชาวเมลเบิร์นหลายคนพยายามเลี่ยง โค้งแบบกะทันหันในเมืองของตัวเอง แต่นั่นเป็นสิ่งเราเลี่ยงไม่ได้ และต้องหา ทางจัดการเสียด้วย” “ระบบการจราจรที่ราบรื่นเหมาะกับ รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติอย่างมาก ในทางเทคนิคแล้ว มันเป็นไปได้ที่จะน�า เทคโนโลยีมาใช้ที่นี่ได้ในเร็ววัน” การขับรถบนฟรีเวย์และไฮเวย์ในอเมริกานั้นสะดวก สบายมาก มันง่ายที่จะขับให้เข้ากับระบบที่นี่ และไม่ ค่อยจะมีความเร็วที่แตกต่างกันมากนัก อย่างไร ก็ตามมันก็ยังยากที่จะรวบรวมและประมวลผล ทั้งหมดจากถนน 8 เลน ซึ่งอนุญาตให้แซงได้ทั้งซ้าย และขวา แต่ตลาดสหรัฐฯ ก็ยังคงเป็นตลาดที่เหมาะ สมอันดับแรกๆ ส�าหรับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ปฏิกิริยาของชาวอเมริกันต่อรถประเภทนี้ไม่แตกต่าง จากที่อื่นๆในโลก ซึ่งมีทั้งเป็นกังวลและชื่นชม การ รับฟังความคิดเห็นของพวกเขาเป็นหนึ่งในจุด ประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ Cape Town / South Africa Las Vegas / USA Melbourne / Australia เพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ขับ เคลื่อนอัตโนมัติ S-Class: mbmag.me/ worlddrive iขึ้น ซึ่งหมายถึงการที่เราสามารถเคลื่อนย้ายงานไปตามสถานที่ที่ ตนเองอยู่ได้ และส่งผลให้เกิดความรื่นรมย์ที่ตามมา นั่นก็คือการ เที่ยวไปท�างานไป แต่ท่ามกลางความรื่นรมย์นั้นก็ยังมีปัญหาที่ บรรดา Digital Nomad ต้องเผชิญนั่นก็คือการต้องวางแผนการเดิน ทางด้วยตนเอง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องวางแผนทั้งการท�างาน และการท่องเที่ยวไปพร้อมๆ กัน ไหนจะหาที่นั่งท�างานไม่ได้ ไม่มี อินเทอร์เน็ตให้ส่งงาน อ้าว นั่นลืมจองตั๋วของวันนั้นอีก เนื่องจากประชากรชาว Digital Nomad ก�าลังเพิ่มจ�านวนมากขึ้น เรื่อยๆ จึงมีสตาร์ทอัพที่ตั้งขึ้นมาเพื่อตอบสนองและอ�านวยความ สะดวกให้กับไลฟ์สไตล์ของคนกลุ่มนี้ บริการที่สตาร์ทอัพเหล่านี้ เสนอ ก็เป็นไปเพื่อให้ชาวโนแมดท�างานได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลก พร้อมกับได้ส�ารวจโลกกว้างไปพร้อมๆ กันอย่างสบายใจ 0 ปีที่แล้ว Tsugio Makimoto ผู้บริหารของฮิตาชิ เคยเขียนไว้ในหนังสือชื่อ ‘Digital Nomad’ ว่า “ในอนาคตข้างหน้า อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและ อุปกรณ์แบบพกพา จะท�าให้การท�างานไม่ติดอยู่ กับสถานที่อีกต่อไป” 10 ปีต่อมา หนังสือเรื่อง The 4-Hour Workweek: Escape 9-5, Live Anywhere, and Join the New Rich ของ Tim Ferris ก็ได้เน้นย�้าความคิดนี้ ด้วยประเด็น ของการให้เงินท�างานให้เรา และการที่เราได้ท�างานไปพร้อมกับท่อง โลก ตอนที่ทั้งสองเสนอไอเดียการท�างานจากทางไกล (remote work) นั้น ยังไม่มีโซเชียลมีเดียทรงพลัง แอพฯ ปังๆ บนมือถือ หรือว่าแนวคิด sharing economy เสียด้วยซ�้า ยิ่งตอนนี้ ทุกอย่างยิ่งสนับสนุนวิธีการท�างานที่เอื้อต่อการขยับ เคลื่อนที่ ท�าให้หลายคนเลือกใช้ชีวิตแบบ ‘Digital Nomad’ มาก 2 WORK HARD, TRAVEL HARDER ท�างานไป เที่ยวไป เทรนด์ของ คนท�างานรุ่นใหม่ที่น่าจับตา 46Mercedes-BenzMercedes อะไรคืออุปกรณ์ที่จ�าเป็นที่สุด 3 อย่างที่คุณต้องใช้ในการท�างาน? คอมพิวเตอร์ ปลั๊กไฟ และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง น่าจะเป็นค�าตอบ ของคนท�างานครึ่งหนึ่งในยุคสมัยนี้ ใช่แล้ว เราก�าลังอยู่ในยุค ที่ท�าหลายๆ สิ่งบนหน้าจอ ติดต่อกันด้วยตัวหนังสือมากกว่ายกหู และปิดงานกันได้โดยไม่ต้องนั่งข้างๆ กันเสียด้วยซ�้า เรื่อง: HAPPYNIZMเป็นสตาร์ทอัพที่ตั้งขึ้นด้วยความที่ผู้ก่อตั้ง Greg Caplan เกิดอยากไปเที่ยวด้วยท�างานด้วย แต่รู้สึก ว่าต้องจัดการอะไรยุ่งยาก แถมหาเพื่อนไปด้วยไม่ ได้ เขาเลยตั้ง Remote Year ขึ้น แล้วส่งคนที่อยาก ใช้ชีวิตแบบชาวโนแมด 80-100 คนต่อปี ออกไป ท่องโลกพร้อมท�างาน โดยจะเปลี่ยนสถานที่ทุกๆ เดือน พร้อมกับจัดให้ทุกอย่างตั้งแต่การเดินทาง ที่พัก ที่ท�างาน กิจกรรมสันทนาการ (จะได้ไม่เหงา) รวมไปถึงหางานที่เหมาะกับผู้สมัครให้ด้วยถ้า ต้องการ แต่แน่นอนล่ะว่าบริการที่ครบครัน ก็มา พร้อมค่าบริการที่ค่อนข้างจะโหดอยู่เหมือนกัน ตอน นี้ Remote Year มีแพ็คเกจแบบ 4 เดือน ในราคา $11,000 และ 1 ปี ในราคา $27,000อยากลองย้ายไปอยู่ประเทศอื่นสักพัก แต่ยังไม่ถึง กับอยากปักหลักหรือท�าสัญญาเช่าอย่างจริงจัง สตาร์ทอัพนี้คือค�าตอบส�าหรับชาว ‘Roamer’ ด้วย การจัดหาที่อยู่ส�าหรับพักในระยะยาวทั่วโลก โดย เป็นลักษณะการแชร์พื้นที่ ทั้งที่อยู่อาศัย (co-living) และที่ท�างาน (co-working) โดยความตั้งใจหลัก ของ Bruno Haid ผู้ก่อตั้งคือต้องการมอบความ สะดวกสบายในการพักผ่อน สร้างคอมมูนิตี้ไม่ให้ รู้สึกเหงาจากการจากบ้านมาอยู่ไกลๆ และขณะ เดียวกันก็ยังคงท�างานอย่างมีประสิทธิภาพได้ด้วย ตอนนี้ Roam มีบริการที่ Miami, Bali, Tokyo และ London โดยมีค่าบริการเริ่มต้นที่ $500 ต่อสัปดาห์ และ $1,800 ต่อเดือน Remote Year Roam i roam.co 47March 2018Mercedes i remoteyear.comเป็นสตาร์ทอัพที่เพิ่งเปิดตัวแบบสดๆ ร้อนๆ ลักษณะคล้ายกับบริการของชาวโนแมด คือหา ที่พักในเมืองที่อยากไปและหาออฟฟิศส�าหรับ ท�างานให้ แต่ต่างตรงที่ให้บริการส�าหรับสาวๆ โดยเฉพาะ ก็เลยจะมีเรื่องของการจัดบริการด้าน สุขภาพความงาม และปาร์ตี้อีเวนต์ส�าหรับผู้หญิง ให้ด้วย ในแต่ละที่ที่ไปก็จะมีผู้ดูและที่จะคอยให้ ค�าปรึกษาด้วย ราคาเริ่มต้นของ behere อยู่ที่ ประมาณ $1,400 ต่อเดือน นอกจากการเที่ยวไปท�างานไปและการได้พบเพื่อน ใหม่ การเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ก็น่าสนใจไม่ใช่น้อย ส�าหรับชาวโนแมด ซึ่งสตาร์ทอัพอย่าง Nomad House ก็ได้เสนอบริการในรูปแบบนี้ โดยจะมี ลักษณะเหมือนไปเข้าค่ายเรียนรู้ด้านธุรกิจที่ได้พัก ผ่อน ได้เที่ยว แล้วก็ไม่เสียงานด้วย โดยราคาเริ่ม ต้นอยู่ที่ $1,300 และใช้เวลา 30 วัน ส่วนจุดหมาย ปลายทางก็จะเปลี่ยนไปทั่วโลกในแต่ละเดือน Behere Nomad House i gobehere.com i nomadhouse.io 48Mercedes-BenzMercedesi hackerparadise.org i refuga.com Refuga Hacker Paradise สตาร์ทอัพนี้เหมาะส�าหรับโนแมด สายเทค ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมเมอร์ หรือนักออกแบบ โดยจะเดินทาง เป็นกลุ่ม 20-30 คนไปยังหลายจุด หมายทั่วโลก มีระยะเวลาให้เลือก ตั้งแต่ 2 สัปดาห์ไปจนถึง 3 เดือน แต่ Hacker Paradise จะค่อนข้างเข้ม งวดในการเลือกคนร่วมทริปโดยจะ มีการสัมภาษณ์อย่างจริงจัง เพื่อให้ มั่นใจว่าผู้สมัครเหมาะกับการเดิน ทางครั้งนั้นจริงๆ เพราะนอกจากพัก ผ่อน เที่ยว และท�างานแล้ว คนที่ร่วม เดินทางไปกับ Hacker Paradise ยัง หวังจะได้คอนเน็คชั่นดีๆ จากเพื่อน ร่วมทางในสายงานใกล้เคียงกันด้วย ช่วงราคาอยู่ที่ $500-$2,100 อาจจะเรียกได้ว่าเป็น business trip สไตล์แอด เวนเจอร์ เมื่อจุดหมายหลักของ Refuga คือ การรวบรวมเอาบรรดาผู้ประกอบกิจการหรือ เจ้าของธุรกิจใหญ่ๆ มาออกเดินทางผจญ ภัยเพื่อเปิดมุมมองทางธุรกิจใหม่ๆ (ผจญภัย ในที่นี้หมายถึงปีนเขาหรือติดเกาะ แต่ก็ยังมี co-working space และ sesssion ธุรกิจให้เข้า ร่วม) โดยจะจัดทริปเป็นเวลาสั้นๆ 5-15 วันไป ยังจุดหมายที่ตื่นเต้นหน่อย ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ ประมาณ $1,700 49March 2018MercedesNext >