สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย วารสาร ฉบับที่ 6 เดือน กันยายน 2566 สารผู้บริหาร GI 20 ปี สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย กับก้าวต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน สินค้า GI ไทย ที่ขึ้นทะเบียนในญี่ปุ่น กาแฟดอยตุง กาแฟดอยช้าง สับปะรดห้วยมุ่น GI Best Support Awards ผู้มีคุณูปการต่อ GI ไทยGI Thailand Magazine 02 เจ้าของ กรมทรัพย์สินทางปัญญา นางสาวกนิษฐา กังสวนิช รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา นางกิติยาพร สาธุเสน ผู้อ�านวยการกองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ นางสาวมนชนก ธนสันติ นักวิชาการพาณิชย์ช�านาญการ นางสาวญาดา เปสลาพันธ์ นักวิชาการพาณิชย์ช�านาญการ ส.ต.ท.หญิง แวววาว จันทรา นักวิชาการพาณิชย์ปฏิบัติการ นางสาวมณีรัตน์ จุ้ยเรือง เจ้าพนักงานการพาณิชย์ช�านาญงาน นางสาวนันท์นภัส ธิติวรทรัพย์ นักวิชาการพาณิชย์ นายบุญฤทธิ์ เพชรแท้ นักวิชาการพาณิชย์ นางสาวสุวนีย์ วิชัย เจ้าหน้าที่กองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ จัดท�าโดย บริษัท ไลฟ์สไตล์แอนด์ทราเวล มีเดีย จ�ากัด เลขที่ 20/3 ซอยประสานมิตร ถนนสุขุมวิท 23 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 พิมพ์ที่ บริษัท กรีนไลฟ์ พริ้นติ้ง เฮ้าส์ จ�ากัด 68 ซอยเทียนทะเล 20 ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ 10150 หนังสือเล่มนี้ พิมพ์ด้วยกระดาษกรีนโอเชี่ยน ใช้หมึกพิมพ์ถั่วเหลือง และกระบวนการ ผลิต ที่รักษาสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อย CO2 เทียบเท่ากับการปิดไฟ 10,890 ดวง ใน 1 วัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.greenlifeprinting.com GI EXECUTIVE’S TALK ฉบับที่ 6 เดือนกันยายน 2566 วารสาร สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย GI EXECUTIVE’S TALK 20 ปี สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ จัดงาน “GI 20/20 Vision : 20 ปี กับก้าวต่อไป ของ GI ไทย” เฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี การก่อตั้ง ระบบสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย พร้อมประกาศ ภารกิจส�าคัญในการขับเคลื่อนระบบ GI ไทยเข้าสู่ ปีที่ 21 ตั้งเป้าสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าชุมชน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก และยกระดับคุณภาพ ชีวิตประชาชนอย่างยั่งยืน “สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์” (Geographical Indications: GI) เป็นทรัพย์สินทางปัญญา ประเภทหนึ่ง เป็นเครื่องหมายที่ใช้กับสินค้า ที่มาจากแหล่งผลิตที่เฉพาะเจาะจง บ่งบอกถึง คุณภาพและแหล่งที่มาชัดเจน อันเป็นสิทธิชุมชน โดยในเวทีระหว่างประเทศมีความคุ้มครองสินค้า GI ภายใต้ความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สิน ทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า (Trade-Related Aspects of Intellectual Property Rights : TRIPS) ซึ่งประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็น สมาชิก ในปี พ.ศ. 2538 และต่อมาในปี พ.ศ 2546 ได้มีตราพระราชบัญญัติสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ขึ้น ตลอดระยะเวลา 20 ปี ระบบสิ่งบ่งชี้ ทางภูมิศาสตร์ เป็นกลไกส�าคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้แก่สินค้าท้องถิ่น ซึ่งปัจจุบันสร้างมูลค่าทางการ ตลาดกว่า 51,000 ล้านบาทต่อปี โดยมีสินค้า ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI จากทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 191 สินค้า และ GI ต่างประเทศ 20 สินค้า นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้ผลักดันการขึ้น ทะเบียนสินค้า GI ไทย ในตลาดต่างประเทศ ซึ่งมีสินค้าได้รับทะเบียนแล้ว 8 สินค้า ใน 32 ประเทศ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ กาแฟดอยตุง กาแฟดอยช้าง ข้าวสังข์หยด เมืองพัทลุง มะขามหวานเพชรบูรณ์ ผ้าไหมยกดอก ล�าพูน เส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน และล�าไยอบแห้ง เนื้อสีทองล�าพูน กับก้าวต่อไปอย่างมั่นคง และยั่งยืน03 ฉบับที่ 6 เดือนกันยายน 2566 (สารผู้บริหาร GI) วารสารสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย ระบบสิ่งบ่งชี้ทาง ภูมิศาสตร์ไทย เป็นกลไกส�าคัญ ในการสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้แก่สินค้าท้องถิ่น ทั่วประเทศ ปัจจุบันสร้าง มูลค่าทางการตลาด กว่า 51,000 ล้านบาท ต่อปี ครอบคลุม ประชากรไทยทั้งประเทศ กว่า 300,000 ครัวเรือน “หมู่บ้าน GI หรือ GI Village” เพื่อชูแหล่งผลิต สินค้า GI เชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง และจัดท�า GI Route เส้นทางเที่ยวไทย GI ไปด้วยกัน เป็นต้น 3. สร้างเครือข่ายอุตสาหกรรมอาหาร ปัจจุบันมีสินค้า GI ไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว 191 รายการ เป็นสินค้าในกลุ่มเกษตรและเกษตร แปรรูปถึง 156 รายการ จึงเป็นโอกาสให้สินค้า GI ไทยเติบโตในวงการอาหาร ทั้งการน�ามารังสรรค์ เป็นเมนู Fine Dining และผลักดันให้ร้าน Thai Select ในต่างประเทศ ที่มีกว่า 1,400 แห่งทั ่วโลก น�าสินค้า GI ไทยมาเป็นวัตถุดิบในชีวิตประจ�าวัน ภายใต้แนวคิด “GI@Home” สร้างกระแส ให้เกิดความภาคภูมิใจในการใช้สินค้าจาก ท้องถิ่นโดยคนไทย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการซื้อ-ขาย สินค้า GI ของคนในประเทศ 4. การส่งเสริมช่องทางการตลาดสินค้า GI และความร่วมมือกับพันธมิตร เช่น การขยาย ตลาดช่องทางออนไลน์ทั้งในและต่างประเทศ ผลักดันให้สินค้า GI ที่มีศักยภาพให้อยู่ใน Global Supply Chain และจัดท�า “GI e-Directory เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลผู้ขายสินค้า GI” ผลักดันช่องทางการจ�าหน่ายสินค้าผ่านพันธมิตร พร้อมส่งเสริมการควบคุมคุณภาพสินค้า GI ให้เข้มแข็ง เพื่อรักษาคุณภาพ คุณสมบัติเฉพาะตัว ของสินค้าให้ต่อเนื่องยั่งยืน ตลอดจนพัฒนา ศักยภาพ สร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการ GI สร้างการรับรู้สินค้า GI ให้แก่ประชาชน ส่งเสริม ให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้า GI จากแหล่งผลิต ได้โดยตรง สร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้า GI ไทย ให้มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล ผนึก จุดแข็งทางภูมิศาสตร์ของไทย สร้างภาพลักษณ์ ให้สินค้า GI ของไทยเติบโตเชิงพาณิชย์ใน ตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน กรมฯ เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า การขับเคลื่อน ระบบ GI ไทย จะเป็นบทบาทส�าคัญในการช่วย ยกระดับคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ของผู้ผลิต และผู้ประกอบการค้าสินค้า GI ไทยได้ และเป็น ส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทย เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป ซึ่งการจัดงาน “GI 20/20 Vision : 20 ปี กับก้าวต่อไปของ GI ไทย” เป็นการรวบรวมผลงาน และสะท้อนความส�าเร็จของกรมทรัพย์สิน ทางปัญญา ที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนนโยบาย GI น�ามาสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับ เกษตรกรและผู้ประกอบการ GI ไทย ก้าวต่อไปของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ที่ผ่านมา กรมทรัพย์สินทางปัญญามุ่ง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนด้วย GI ผ่านภารกิจ ทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ 1. ผลักดันให้เกิดการขึ้นทะเบียน สินค้า GI ไทย 2. ส่งเสริมการจัดท�าระบบควบคุม คุณภาพเพื่อรักษามาตรฐานสินค้าและการใช้ ตราสัญลักษณ์ GI ไทย และ 3. ส่งเสริมให้เกิดการ ใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ส�าหรับในอนาคต กรมทรัพย์สินทางปัญญา มุ่งมั่นที่จะสร้างเครือข่าย ให้กับสินค้า GI สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า GI ไทย ในทุกมิติ ผ่านภารกิจในการขับเคลื่อน GI ไทย ในอนาคต ดังต่อไปนี้ 1. พลิกบทบาทของกรมฯ ด้าน GI จาก Regulator เป็น Facilitator จากเดิมที่เป็น หน่วยงานที่ก�ากับดูแล GI มีเป้าหมายส�าคัญที่จะ ขับเคลื่อนองค์กรในฐานะ “facilitator” หรือเป็น ผู้อ�านวยความสะดวกในเรื่อง GI ในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภารกิจด้านการใช้ประโยชน์ ในเชิงพาณิชย์สินค้า GI ไทย ให้เกิดการซื้อ-ขาย สินค้า GI ไทย เพิ่มมากขึ้น น�ามาสู่การสร้าง รายได้ที่ยั่งยืนให้กับพี่น้องเกษตรกร ผู้ผลิต และผู้ประกอบการสินค้า GI 2.สร้างเครือข่ายอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ผูกกับ GI ไทย กรมทรัพย์สินทางปัญญา มีเป้าหมาย เชื่อมโยงสินค้า GI กับแหล่งท่องเที่ยว เช่น การตั้ง GI Thailand Magazine 04 GI SOCIETY (กิจกรรมชาว GI) วารสารสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย GI รุกบุกตลาดออนไลน์ ครั้งที่ 2 กรมทรัพย์สินทางปัญญา จัดใหญ่ "GI รุกบุกตลาดออนไลน์" ครั้งที่ 2 ดันสินค้า GI ไทย สู่แพลตฟอร์ม ออนไลน์ กระตุ้นยอดขาย ตอบโจทย์ การค้ายุคดิจิทัล โดยมี นางสาว กนิษฐา กังสวนิช รองอธิบดี กรมทรัพย์สินทางปัญญา น�าทีม เปิดคอร์สติวเข้มการตลาดออนไลน์ GI Market 2023 GI 20/20 Mission : 20 ปี กรมทรัพย์สินทางปัญญาจัดงาน “GI 20/20 Vision : 20 ปี กับก้าวต่อไปของ GI ไทย”เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 ณ โรงแรม โฟร์ซีซันส์ กรุงเทพฯ แอท เจ้าพระยาริเวอร์ โดยภายในงานมีกิจกรรม มากมาย เช่น การเสวนา 20 ปีกับการก้าวต่อไปของ GI ไทย การจัด นิทรรศการ GI ของไทยและต่างประเทศ การให้ค�าปรึกษาผู้ประกอบการ GI ไทยด้านการตลาดกับกูรูต่างประเทศ การประชุมทวิภาคีความร่วมมือ ด้าน GI กับประเทศจีนกับญี่ปุ่น พิธีมอบประกาศขึ้นทะเบียน GI ของไทย และญี่ปุ่น การมอบรางวัลสุดยอดผู้สนับสนุน GI ไทยสาขาต่าง ๆ (GI Best Support Award) พร้อมยกระดับสินค้า GI มารังสรรค์เมนูอาหารระดับ มิชลิน โดยเชฟชุมพล แจ้งไพร พร้อมแสดงศักยภาพสู่ก้าวย่างที่มั่นคง เข้าปีที่ 21 เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าชุมชนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ฐานราก น�ามาสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน ให้ดีขึ้น แก่ผู้ประกอบการสินค้า GI ไทยกว่า 200 ราย แนะน�าการปรับกลยุทธ์ การค้าออนไลน์อย่างมืออาชีพ พร้อม สอนเทคนิคการน�าเสนอผลิตภัณฑ์ ให้โดนใจผู้บริโภค ตั้งเป้าขยายช่องทาง จ�าหน่ายสินค้า Gl สู่แพลตฟอร์ม ชั้นน�า ทั้ง Lazada, Shopee และ Tiktok เมื่อวันที่ 14 - 15 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ ทั้งนี้ ส�าหรับผู้ประกอบการที่สนใจรับฟัง การอบรม ก็สามารถเปิดชมคลิป การอบรมย้อนหลังได้ที่ YouTube : GI Thailand Official Channel กรมทรัพย์สินทางปัญญาเปิดงาน “GI Market 2023” พร้อมยกขบวน สินค้า GI ไทยสู่ใจกลางกรุง เชิญชวนคนกรุงเทพฯ ร่วมช้อป ชิม อิ่ม เพลิน กับ สินค้า GI คุณภาพกว่า 60 ร้านค้าจากทั่วประเทศ พร้อมร่วมกิจกรรมมากมาย อาทิ สาธิตการท�าอาหารจากวัตถุดิบ GI โดยเชฟบุ๊ค เจ้าของรายการ Food work และรับชมมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังอย่าง อะตอม ชนกันต์ พลอยชมพู วัชราวลี และแช่ม แช่มรัมย์ เป็นต้น ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม - 6 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพระราม 9 โดยการจัดกิจกรรม GI Market 2023 นี้ ถือเป็นหนึ่งในโครงการส�าคัญที่ช่วยขยายช่องทาง การตลาด เพื่อสร้างรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกรผู้ผลิตและผู้ประกอบการ GI ไทย อย่างยั่งยืน กรมทรัพย์สินทางปัญญาและกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น จัดพิธีมอบประกาศขึ้นทะเบียน GI ประเทศญี่ปุ่น ให้กับสินค้า GI ไทย 2 รายการ ได้แก่ กาแฟดอยช้างและกาแฟดอยตุง จากจังหวัดเชียงราย พร้อมกันนี้ยังมอบ ประกาศขึ้นทะเบียนสินค้า GI ให้กับประเทศญี่ปุ่น 2 รายการ ได้แก่ เนื้อทาจิมะและเนื้อคาโงชิมะ ในประเทศไทยอีกด้วย โดย นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้กล่าวว่า การที่ประเทศญี่ปุ่นได้ประกาศขึ้นทะเบียน GI สินค้ากาแฟไทย 2 รายการ เป็นการสร้างประโยชน์มากมาย ทั้งกาแฟ GI ไทยจะได้รับการยอมรับ ในตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น ผู้บริโภคยินดีจ่ายในราคาที่แพงขึ้นจากการมีตรา GI รับรอง ซึ่งนับว่าเป็นข่าวดีอย่างยิ่งส�าหรับผู้ประกอบการสินค้า GI ไทย” ไม่เพียงเท่านั้นคาดว่าอีกไม่นาน “สับปะรดห้วยมุ่น” จากจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ได้ยื่นค�าขอจดทะเบียน GI ที่ญี่ปุ่น ก็จะได้รับการขึ้นทะเบียนในเร็ว ๆ นี้ อีกด้วย กาแฟดอยช้าง-ดอยตุง ได้รับการขึ้นทะเบียน GI ในญี่ปุ่น05 ฉบับที่ 6 เดือนกันยายน 2566 GI REGISTRATION (สินค้าใหม่ขึ้นทะเบียน GI) วารสารสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย กรมทรัพย์สินทางปัญญา เผยความส�าเร็จ สินค้า GI ไทยในต่างประเทศ ผลักดันการ จดทะเบียนสินค้า GI ไทย ในประเทศญี่ปุ่น 3 รายการ ได้แก่ กาแฟดอยตุง กาแฟดอยช้าง และสับปะรดห้วยมุ่น ตอกย�้าคุณภาพสินค้า GI ไทย ในระดับสากล หลายคนคงทราบกันดีว่าสินค้าจากประเทศ ญี่ปุ่นเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ นั่นก็เพราะว่า ประเทศญี่ปุ่นให้ความส�าคัญกับความปลอดภัย ของอาหารและสินค้าทางการเกษตร รัฐบาล มีการออกกฎระเบียบ มาตรฐาน และกฎหมาย ที่เข้มงวด พร้อมทั้งยังส่งเสริมการสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง ให้ประชาชนเห็นถึง ความส�าคัญของอาหารปลอดภัย ยอมรับ ในการซื้อสินค้าคุณภาพ และราคาแพงกว่า เพื่อให้แน่ใจว่าสินค้ามีมาตรฐาน ปลอดภัย และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ดังนั้นส�าหรับสินค้าไทยที่จะได้รับการ ยอมรับจากประเทศญี่ปุ่นนั้น หากไม่ได้คุณภาพ และมาตรฐานเพียงพอก็นับว่าเป็นเรื่องยาก กาแฟดอยตุง (Doi Tung Coffee) กาแฟพันธ์ุ อาราบิก้า ปลูกในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง จังหวัดเชียงราย ที่ระดับความสูง 800-1,200 เมตร จากระดับน�้าทะเล ผลิตเป็นสารกาแฟและกาแฟ คั่ว-บด โดยมีชาวบ้านในพื้นที่โครงการพัฒนา ดอยตุงควบคุมคุณภาพจนได้กาแฟที่มีกลิ่นหอม รสชาติกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์ สับปะรดห้วยมุ่น (Hauymon Pineapple) สับปะรดพันธุ์ปัตตาเวีย ที่มี เอกลักษณ์ผิวบาง ตาตื้น เนื้อหนานิ่ม เนื้อใน สีเหมือนน�้าผึ้ง รสชาติหวานหอม ฉ�่าน�้า ไม่ระคายลิ้นเวลารับประทาน ปลูกในต�าบล ห้วยมุ่นและต�าบลน�้าไผ่ ของอ�าเภอน�้าปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ส�าหรับสินค้ากาแฟดอยตุงและกาแฟ ดอยช้าง จ.เชียงราย ได้ขึ้นทะเบียนเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา ส่วนสับปะรด ห้วยมุ่น จ.อุตรดิตถ์ อยู่ระหว่างพิจารณา ขึ้นทะเบียนจากญี่ปุ่น การขึ้นทะเบียน GI ไทย คราวนี้ ถือเป็นก้าวส�าคัญ ที่สินค้า GI ไทยจะ เป็นที่ยอมรับและได้รับการคุ้มครอง ในประเทศญี่ปุ่น หลังจากมีสินค้า GI ไทย เคยได้รับการคุ้มครองในต่างประเทศมาแล้ว ทั้งในสหภาพยุโรป อินเดีย อินโดนีเซีย กัมพูชา และเวียดนาม เป็นต้น โดยการผลักดันให้สินค้า GI ไทย ได้รับ ความคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ใน ต่างประเทศ เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มและ ขยายโอกาสทางการค้าให้กับไทย น�ามาซึ่งการ สร้างรายได้ให้กับประเทศและชุมชนท้องถิ่น อย่างยั่งยืนต่อไป ตอกยาคุณภาพสินค้า GI ไทย ขึ้นทะเบียนไกลถึงญี่ปุ่น กาแฟดอยช้าง (Doi Chaang Coffee) กาแฟอาราบิก้าสายพันธุ์ดี ปลูกในหุบเขาดอยช้าง ต�าบลวาวี อ�าเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ที่ระดับ ความสูง 1,000 - 1,700 เมตร จากระดับน�้าทะเล ผลิตเป็นกาแฟสารและกาแฟคั่ว-บด ที่มีความหอม รสชาติกลมกล่อมมีเอกลักษณ์เฉพาะ ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับ กระทรวง เกษตร ป่าไม้ และประมง ของประเทศญี่ปุ่น ผลักดันการจดทะเบียนสินค้า GI ไทย ในประเทศญี่ปุ่น 3 รายการ ได้แก่ กาแฟดอยตุง กาแฟดอยช้าง กาแฟชื่อดังของจังหวัดเชียงราย และสับปะรดห้วยมุ่นพืชเศรษฐกิจที่ส�าคัญ ของจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งต่างก็มีคุณสมบัติ ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ได้แก่GI Thailand Magazine 06 GI BEST SUPPORT AWARD วารสารสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย บนเส้นทางของความมุ่งมั่นเพื่อสานต่อ ภูมิปัญญาไทยและความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนของ เกษตรกรไทย GI ไทย ได้รับการสนับสนุนอย่างดี เยี่ยมเสมอมา ในโอกาสครบรอบ 20 ปี เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา จึงได้มีการ มอบรางวัลแก่ผู้ที่มีคุณูปการทั้ง 5 สาขา ที่คอยให้ การสนับสนุนให้ GI ไทย ก้าวสู่ความส�าเร็จ ได้อย่างภาคภูมิ GI มอบรางวัล GI Best Support Award ทั้ง 5 สาขา แก่ผู้มีคุณูปการต่อ GI ไทย 1. สาขา กฎหมายและการคุ้มครอง GI ไทย คุณปัจฉิมา ธนสันติ อดีตอธิบดีกรม ทรัพย์สินทางปัญญา “พอทราบว่าจะได้รับรางวัลก็รู้สึกตื่นเต้น ดีใจ ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาคิดถึงค่ะ สาขากฎหมาย และความคุ้มครอง GI ไทย ตรงกับงานที่ท�ามา ทั้งการวางระบบ GI ตามมาตรฐานสากลและ การด�าเนินการให้เข้ากับบริบทของไทย ความร่วมมือ ของชุมชน การบริหารจัดการ และท�าให้ได้รับ การคุ้มครองสิทธิ์ภายใต้กฎหมายทั้งในไทยและ ต่างประเทศ หลังจากเกษียณก็ยังท�างานด้าน GI ในฐานะกรรมการสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ 2 วาระ กรรมการแก้ไขกฎหมาย GI อาจารย์พิเศษ สอนกฎหมาย GI และเป็นที่ปรึกษาหน่วยงาน ต่าง ๆ ในการขึ้นทะเบียนสินค้า GI ค่ะ ที่ผ่านมางาน GI ที่ท�าเป็นการช่วยสร้างชุมชน ให้เข้มแข็ง มีรายได้เพิ่มขึ้น รักท้องถิ่น ไม่ออกไป ท�างานที่อื่น เป็นความรู้สึกที่น่าภูมิใจข้อที่หนึ่ง ความภูมิใจข้อที่สองคือการได้สร้าง GI ให้เป็น ที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ จาก 20 ปี ที่แล้วคนไทยรู้เรื่อง GI เป็นศูนย์ แต่ ณ วันนี้ เกษตรกรรู้จัก GI กันมากขึ้นและอยากให้สินค้า ในท้องถิ่นได้ขึ้นทะเบียน GI ก่อนเกษียณจึงฝากให้ สานต่อโครงการ 1จังหวัด 1 GI วันนี้ทั้ง 77 จังหวัด มี GI ครบแล้ว น่าดีใจที่กรมฯ พยายามพัฒนา งาน GI หลายด้าน ด้วยการเพิ่มช่องทางตลาด จ�าหน่ายสินค้า ทั้งระบบออฟไลน์ และออนไลน์ การออกแบบแพ็กเกจ และพัฒนาระบบควบคุม ตรวจสอบ เพื่อให้ชุมชนให้ความส�าคัญกับ GI ซึ่งเป็นช่องทางหนึ่งในการเพิ่มมูลค่าทางการตลาด มากขึ้น จึงปรารถนาจะเห็นกรมฯ ขับเคลื่อนพัฒนา และส่งเสริมงาน GI ให้ก้าวหน้า ต่อไปค่ะ” 2. สาขา สนับสนุนชุมชน GI ไทย อย่างยั่งยืน คุณธนวัตร จิรจริยาเวช ประธาน เจ้าหน้าที่บริหารด้านการพาณิชย์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จ�ากัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล “ท็อปส์ รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วย สนับสนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการ GI ของไทย ให้สามารถยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างรายได้ และสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนกว่า 10,000 ครั วเรือนทั่ วประเทศ ต้องขอขอบคุณ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ที่ได้ เล็งเห็นถึงความตั้งใจของเราและมอบรางวัล อันทรงคุณค่าให้กับท็อปส์ ที่ผ่านมาเราส่งเสริม สินค้า GI ด้วยการยกระดับมูลค่าให้กับสินค้า ตลอดจนส่งเสริมช่องทางการจ�าหน่ายสินค้าผ่าน ตลาดจริงใจ Farmers’ Market ทั้ง 33 สาขา โดยเฉพาะที่สาขา เซ็นทรัลเวิลด์ และเซ็นทรัล บางนา ซึ่งเป็นสาขาต้นแบบ ที่เป็นศูนย์รวมสินค้า GI ที่หลากหลายครบครันและมีสินค้าหมุนเวียน มากที่สุดตลอดปี อีกทั้งยังเป็นช่องทาง ประชาสัมพันธ์สินค้าที่สามารถเชื่อมโยงผู้บริโภค ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้รู้จักสินค้าที่เป็น อัตลักษณ์จากท้องถิ่นไทยมากยิ่งขึ้น ถือเป็นอีก หนึ่งความภาคภูมิใจ และเป็นอีกหนึ่งก้าวของความ ส�าเร็จที่ช่วยสร้างโอกาสให้เกษตรกรและ ผู้ประกอบการ GI พร้อมกันนี้ยังร่วมมือกับ กรมทรัพย์สินทางปัญญาจัดท�าการลงนามสัญญา ซื้อขายสินค้า GI ล่วงหน้า โดยให้ราคาที่เป็นธรรม รวมทั้งยังได้ให้ค�าแนะน�าและถ่ายทอดองค์ความรู้07 ฉบับที่ 6 เดือนกันยายน 2566 (ผู้มีคุณูปการต่อ GI ไทย) วารสารสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย เพื่อร่วมกันพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการ ของลูกค้ามากยิ่งขึ้น ท็อปส์ ยังวางแผนจะเพิ่ม การประชาสัมพันธ์สินค้า GI ผ่านช่องทาง การสื่อสารต่าง ๆ ตลอดจนให้ความรู้แก่ผู้บริโภค ผ่านการบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของสินค้า ที่แฝงไว้ด้วยวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างภาพลักษณ์ที่ดี เพื่อสนับสนุนให้กลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการรายย่อย มีโอกาสพัฒนาธุรกิจ ให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปและตลอดไป” ทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ จัดงาน GI Fest 2023 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ระหว่างวันที่ 23 – 27 สิงหาคม 2566 ณ ลานเซ็นเตอร์ ฮอลล์ ชั้น G ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ขณะเดียวกัน เรามีแผนที่จะขยายความร่วมมือมาจัดต่อ ในศูนย์การค้าในเครือเอ็ม บี เค อื่น ๆ ได้แก่ พาราไดซ์ เพลส เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9 และ เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์ ที่พร้อม สนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ของ GI และกรม ทรัพย์สินทางปัญญา ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม และชุมชนต่อไป” 4. สาขา ผู้ประกอบการ GI ไทยต้นแบบ คุณสินสมุทร ศรีแสนปาง ผู้ประกอบการ สินค้า GI ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ เจ้าของ แบรนด์ ข้าวศรีแสงดาว “ผมรู้สึกดีใจครับที่งานที่เราท�ามามีผู้ใหญ่เห็น และรู้สึกภูมิใจมากที่ได้รับรางวัลนี้ เพราะใน ช่วงแรกที่เริ่มท�าแบรนด์ศรีแสงดาว จากที่ไม่รู้ อะไรเลย จนวันนี้ที่เราสามารถส่งข้าวหอมมะลิ ทุ่งกุลาร้องไห้ไปเป็นสินค้าตัวแรกของประเทศไทย และเป็นข้าวชนิดแรกในภูมิภาคเอเชียที่ได้ GI ในยุโรป รวมทั้งยังสามารถส่งไปที่ตะวันออกกลาง เป็นครั้งแรกของประเทศ ส�าหรับผม GI เป็นเหมือน มาตรฐานที่ต่างประเทศรู้จักกันเป็นอย่างดีครับ เพราะฉะนั้น GI จึงช่วยเปิดโอกาสให้แบรนด์เล็ก ๆ อย่างเรามีโอกาสส่งออก ด้วยอัตลักษณ์พิเศษของ ทุ่งกุลาร้องไห้ สภาพดิน ฟ้า อากาศที่ท�าให้ ข้าวหอมมะลิที่นี่มีลักษณะเฉพาะ มีความหอม นุ่มเป็นพิเศษ ต่างจากข้าวอื่นๆ นอกจากนี้อีกส่วนที่ส�าคัญก็คือการประกวด เพื่อให้ผู้บริโภคได้รู้จักข้าวมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ รู้เรื่องราวการท�านาหยอดของแบรนด์ศรีแสงดาว ผมจึงได้ร่วมงานกับคุณสมชนะ กังวารจิตต์ นักออกแบบที่น�าเรื่องราวคุณค่าที่อยู่เบื้องหลัง มาออกแบบบรรจุภัณฑ์รีไซเคิลจากแกลบจนได้รับ เบสดีไซน์ 18 รางวัลจากทั่วโลก ท�าให้ต่างชาติรู้จัก ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ สินค้าข้าว GI ไทยมากขึ้น รวมทั้งยังสามารถสร้างมูลค่าให้กับสินค้าได้มาก ขึ้นไป ความส�าเร็จตรงนี้ผมมองว่าเป็นเพียงแค่ การเริ่มต้นเท่านั้นครับ เพราะเรามีแผนที่จะขยาย พื้นที่ปลูกอย่างต่อเนื่องจาก 1 พันไร่ ไปจนถึง 1 หมื่นไร่ ซึ่งนั่นหมายความว่าถ้าสินค้าเราไปได้ เกษตรกรจะสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน และมีศักดิ์ศรีครับ” 3. สาขา ส่งเสริมช่องทางการตลาด สินค้า GI ไทย คุณสมพล ตรีภพนารถ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จ�ากัด (มหาชน) “เอ็ม บี เค รู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัล สาขาส่งเสริมช่องทางการตลาดสินค้า GI ไทย ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เอ็ม บี เค มีความตั้งใจที่จะ สนับสนุนและส่งเสริมสินค้า GI ให้เป็นที่รู้จัก อย่างแพร่หลาย ต้องขอขอบคุณกรมทรัพย์สิน ทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ที่ไว้วางใจให้เรา เป็นพันธมิตรในการร่วมจัดงาน GI Fest ตั้งแต่ ปี 2563 - ปัจจุบัน เพื่อเปิดโอกาสให้ของดี ประจ�าถิ่นทั่วไทยไปถึงมือผู้บริโภคทั้งคนไทยและ นักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ผ่านมาศูนย์การค้าในเครือ เอ็ม บี เค ทั้ง เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ และ พาราไดซ์ พาร์ค ได้สนับสนุนพื้นที่โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพันธกิจที่เราตั้งใจที่จะร่วม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน ส่งเสริมสินค้า GI ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น สร้างรายได้ให้กับชุมชน และท้องถิ่น รวมทั้งการได้ถ่ายทอดเอกลักษณ์ ทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชุมชนในแต่ละ ท้องถิ่น ตลอดจนแสดงศักยภาพของสินค้า ไปสู่สายตานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งเป็น สิ่งที่เราภูมิใจอย่างมาก โดยปีนี้ เอ็ม บี เค ได้ร่วมกับกรมทรัพย์สิน 5. สาขา สร้างมูลค่าเพิ่ม GI ไทย คุณปัญญวัฒน์ พิทักษวรรณ นักออกแบบ ผลิตภัณฑ์ “ผมรู้สึกดีใจครับ ส่วนตัวแล้วผมมีโอกาส ช่วยในด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพื่อช่วย สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า GI ที่เข้าร่วมโครงการ มาประมาณ 5- 6 ปีแล้วครับ คือโดยปกติแล้ว ส�าหรับสายงานออกแบบ เรามักจะได้ท�างานกับ องค์กรใหญ่ ๆ ทั้งการรีแบรนดิ้ง การก�าหนด อัตลักษณ์ของแบรนด์ การที่ได้ท�างานกับ ผู้ประกอบการไทยหรือออกแบบบรรจุภัณฑ์ ของไทยเพื่อให้เป็นที่ต้องการของต่างชาติได้มากขึ้น ตรงนี้ผมคิดว่ามันเหมือนเป็นแรงผลักดันเล็ก ๆ ส�าหรับการท�างานของผม กลุ่มผู้ประกอบการ หลาย ๆ คน อาจจะไม่ได้มีทรัพยากรมากนักส�าหรับ การมาใช้จ่ายด้านการออกแบบ เราสามารถ ช่วยเหลือเขาได้ เพราะส�าหรับสินค้าตัวหนึ่ง ผมมองว่าบรรจุภัณฑ์มีความส�าคัญประมาณ 50% หมายถึงว่ามูลค่าของแพ็กเกจจิ้งมันสามารถช่วย สนับสนุนสินค้าข้างในได้พอสมควร ส่วนอีก 50% ก็เป็นเรื่องคุณค่าของสินค้าที่อยู่ข้างในครับ งานออกแบบของผมจะเป็นสไตล์ไทยร่วมสมัย ครับ ซึ่งอาจจะเป็นจุดหนึ่งที่ท�าให้ผมได้ร่วมงานกับ GI ซึ่งที่ผ่านมานอกจากออกแบบบรรจุภัณฑ์แล้ว ก็ยังมีพวกของแจกช�าร่วย ของที่ระลึกของ GI ด้วย ซึ่งจริง ๆ แล้วในอนาคตผมก็ยังอยากช่วยงาน ออกแบบตรงนี้อยู่ครับ เพราะผมมองว่าเป็นงาน ช่วยเหลือผู้ประกอบการ หากช่วยท�าให้สินค้าไทย งานของไทยไปมีชื่อเสียงมากขึ้น ผมก็ยินดีครับ” GI Thailand Magazine 08 SPECIAL ARTICLE วารสารสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย ด้วยเพราะสินค้า GI เป็นสินค้าที่มี อัตลักษณ์ เชื่อมโยงกับแหล่งภูมิศาสตร์ กรมทรัพย์สินทางปัญญาสานต่อสู่การเป็น Soft Power ด้านอาหารที่ส�าคัญของประเทศ ผ่านภารกิจต่าง ๆ อาทิ การสร้างเครือข่ายให้กับ สินค้า GI เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในมิติต่าง ๆ โดยเฉพาะเครือข่ายอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งจากการจัดอันดับ “Global Soft Power Index 2022” ของ Brand Finance ประเทศไทยถูกจัดอยู่อันดับที่ 35 จาก 120 ประเทศทั่วโลก และเป็นอันดับที่ 6 ของเอเชีย นั่นแสดงให้เห็นถึงจุดแข็งในต้นทุนวัฒนธรรม ทางอาหารที่สามารถน�ามาต่อยอด สร้างรายได้ ให้กับประเทศได้ ปัจจุบันสินค้า GI ไทย ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว 191 รายการ เป็นสินค้าในกลุ่มเกษตรและเกษตร แปรรูปถึง 156 รายการ คิดเป็น 81.67% ของ สินค้าที่ขึ้นทะเบียนทั้งหมด จึงเป็นโอกาสให้สินค้า GI ไทยเติบโตในวงการอาหารได้ไม่ยากนัก และการน�าวัตถุดิบ GI มารังสรรค์เป็นเมนูไฟน์ไดนิ่ง ในงานประชุมเอเปค 2022 รวมทั้งงานฉลอง ครบรอบ 20 ปี GI “GI 20/20 Mission: 20 ปี กับก้าวต่อไปของ GI ไทย” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 ณ โรงแรมโฟร์ซีซันส์ กรุงเทพฯ แอท เจ้าพระยาริเวอร์ ที่ผ่านมา ก็นับได้ว่าเป็นอีกส่วนหนึ่งของกิจกรรมการสร้าง มูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า GI ด้วยเช่นกัน ส�ารับ GI สุดพรีเมี่ยมในค�่าคืนอันแสนพิเศษ จากแหล่งผลิตที่เฉพาะเจาะจง สู่ผลิตภัณฑ์ GI สุดพรีเมียม รังสรรค์เป็นส�ารับสุดประณีต โดย สุดยอดเชฟทั้ง 3 ท่าน ได้แก่ เชฟชุมพล แจ้งไพร เชฟอาหารไทยรางวัลมิชลิน 2 ดาว เชฟแอนเดรีย แอคคอร์ดิ หัวหน้าเชฟใหญ่ และเชฟอัญชลี พลรังสิต หัวหน้าเชฟห้องจัดเลี้ยง จากโรงแรม โฟร์ซีซันส์ กรุงเทพฯ แอท เจ้าพระยาริเวอร์ ได้คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพสินค้า GI จ�านวน 21 รายการ มารังสรรค์เป็นมื้ออาหารสุดพิเศษ 6 คอร์ส หลากหลายเมนูอร่อยที่หารับประทาน ที่ไหนไม่ได้ ในงานฉลองครบรอบ 20 ปี GI “GI 20/20 Mission: 20 ปี กับก้าวต่อไปของ GI ไทย” ซึ่งเชฟชุมพล เชฟระดับมิชลิน ผู้น�าวัตถุดิบ GI ไทย มารังสรรค์เมนูอาหาร ยังได้มาร่วมสาธิต การท�าอาหารจานหลักที่เสิร์ฟในค�่าคืนนั้นด้วย เชฟชุมพลกล่าวว่า “สินค้า GI นั้น เป็นสินค้า ที่มีคุณภาพประจ�าท้องถิ่นนั้น ๆ และเอกลักษณ์ ในค�่าคืนนี้ผมก็ได้ท�าอาหารจากสินค้า GI หลายชนิด เป็นเมนูที่มีชื่อว่า “ข้าวแกงของไทย GI แห่งสยาม” ครับ ประกอบไปด้วย ปลากะพง สามน�้าทะเลสาบสงขลากับน�้ายากะทิมะพร้าว ทับสะแก แกงกะทิใต้แห้วสุพรรณ เสิร์ฟพร้อม กับข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุงอบปลากุเลาเค็ม ตากใบ กระเทียมศรีสะเกษ และหอมแดง ศรีสะเกษ” ซึ่งนับว่าเป็นการยกระดับสินค้า GI ไทย ให้เป็นที่รู้จัก และสร้างแรงบันดาลใจ ให้กับทั้งคนในวงการอาหารระดับไฟน์ไดนิ่ง และคนทั่วไป น�ามาสู่การสร้างโอกาสและยกระดับ สินค้า GI ที่มีอัตลักษณ์ท้องถิ่นสู่ตลาดพรีเมียม ต่อไป เสิร์ฟส�ารับไทย สานต่อจุดแข็งวัตถุดิบ GI อัตลักษณ์พื้นถิ่นของไทย ข้าวแกงของไทย GI แห่งสยาม ก้อยหอยเชลล์มะพร้าวน�้าหอมบ้านแพ้ว ส้มซ่า กล้วยกรอบ09 ฉบับที่ 6 เดือนกันยายน 2566 (บทความพิเศษ) ทางด้านเชฟแอนเดรียและเชฟอัญชลี ตัวแทน จากโรงแรมโฟร์ซีซันส์ กรุงเทพฯ แอท เจ้าพระยา ริเวอร์ ก็ได้รังสรรค์เมนูอื่น ๆ อีก 5 เมนู โดยเชฟ อัญชลีได้เล่าถึงเมนูแต่ละจานว่า “จานแรกคือ ลาบปูเสิร์ฟคู่กับขนมครกกะทิมะพร้าวทับสะแก หน้าเนื้อปูไข่เค็มไชยา โดยที่เลือกใช้ไข่เค็มไชยา เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สดใหม่ มีความเค็มกับความมัน ที่ก�าลังพอดี เมื่อเอามาท�าอาหาร ก็จะท�าให้อาหาร มีคุณภาพมากขึ้น จานที่สองคือ ก้อยหอยเชลล์ มะพร้าวน�้าหอมบ้านแพ้ว ส้มซ่า กล้วยกรอบ จานนี้เราได้เอาเนื้อมะพร้าวอ่อนและน�้ามะพร้าวของ มะพร้าวน�้าหอมบ้านแพ้ว มาช่วยชูความสดของ หอยเชลล์ ท�าให้ได้รสชาติอาหารที่สดชื่นขึ้น จานที่สามคือ กุ้งก้ามกรามบางแพในน�้าซุปสมุนไพร เห็ดเข็มทอง ที่ใช้กุ้งก้ามกรามบางแพเพราะมีเนื้อแน่น มันเยอะ เข้ากันดีกับน�้าซุปใสที่มีกลิ่นและรสชาติ ของสมุนไพรไทยในท้องถิ่นบ้านเรา จานที่สี่เป็น ของหวานจานไฮไลต์เลย เพราะเป็นผลไม้ที่ออก ตามฤดูกาล นั่นคือ น้อยหน่าปากช่องเขาใหญ่ น�้ากะทิมะพร้าวทับสะแก เราใช้ผลิตภัณฑ์ GI เป็น น้อยหน่าปากช่องเขาใหญ่ ส่วนกะทิท�าจากมะพร้าว ทับสะแก เวลารับประทานจะได้ความสดชื่นจาก ตัวน้อยหน่าและได้ความมัน ความหอม จากตัว น�้ากะทิค่ะ และจานสุดท้ายเป็น Petit Four ขนมชิ้นเล็ก ๆ ส�าหรับรับประทานคู่กับชา กาแฟ มี 2 อย่างก็คือ มาการองมะพร้าวทับสะแก กับ กาละแมฟินองเซียร์ แล้วตามด้วยผลไม้ GI อย่าง สับปะรดภูแลเชียงรายและสับปะรดนางแลค่ะ” พร้อมกันนี้ยังชูรสชาติอาหารตลอดค�่าคืนด้วย ไวน์เขาใหญ่ พร้อมปิดท้ายมื้ออาหารด้วยเครื่องดื่ม อย่าง กาแฟดอยตุง และชาเชียงราย อาหารทั้งหมดนี้ได้รังสรรค์มาจากวัตถุดิบสินค้า GI ไทย ถึง 21 รายการ ได้แก่ ปลากะพงสามน�้า ทะเลสาบสงขลา มะพร้าวทับสะแก แห้วสุพรรณ ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง ปลากุเลาเค็มตากใบ กระเทียมศรีสะเกษ หอมแดงศรีสะเกษ ขมิ้นชัน สุราษฎร์ธานี ไชโป้วโพธาราม เกลือภูเขาบ่อเกลือ น่าน น�้าตาลโตนดเมืองเพชร พริกไทยตรัง ไข่เค็มไชยา มะพร้าวน�้าหอมบ้านแพ้ว กุ้งก้ามกรามบางแพ น้อยหน่าปากช่องเขาใหญ่ สับปะรดภูแลเชียงราย สับปะรดนางแล ไวน์เขาใหญ่ กาแฟดอยตุง และ ชาเชียงราย ซึ่งนี่เป็นเพียงหนึ่งกิจกรรมในการผลักดัน สินค้า GI ให้เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับใน วงกว้างเท่านั้น กรมฯ ยังมีแผนการที่จะขยาย เครือข่ายสู่ร้านอาหารไทย โดยเฉพาะการผลักดัน ให้ร้าน Thai Select ในต่างประเทศที่มีกว่า 1,400 แห่งทั่วโลก น�าสินค้า GI ไทยมาเป็น วัตถุดิบ เพื่อแสดงจุดขายจากอัตลักษณ์และ เรื่องราวความเป็นไทยให้กลุ่มลูกค้าต่างชาติ ที่ชื่นชอบอาหารไทยอยู่แล้ว ได้รู้จักและรับรู้ถึง เรื่องราวเบื้องหลังของวัตถุดิบ GI ไทย นอกเหนือ จากความประทับใจในรสชาติความมีอัตลักษณ์ เฉพาะตัวของสินค้า GI แล้วยังส่งผลให้เกิด ความอยากที่จะค้นหาและไปเยี่ยมชมยัง แหล่งผลิตสินค้า GI ไทย ต่อไป ลาบปูเสิร์ฟคู่กับขนมครกกะทิ มะพร้าวทับสะแกหน้าเนื้อปูไข่เค็มไชยา กุ้งก้ามกรามบางแพ ในน�้าซุปสมุนไพร เห็ดเข็มทอง น้อยหน่าปากช่องเขาใหญ่ น�้ากะทิมะพร้าวทับสะแก มาการองมะพร้าวทับสะแก กับ กาละแมฟินองเซียร์Next >